เปิดร้านขายของต้องเสียภาษีไหม

เปิดร้านขายของต้องเสียภาษีไหม - ภาพรวม

คำถามที่ว่า "เปิดร้านขายของต้องเสียภาษีไหม" เป็นคำถามแรกที่ผู้ประกอบการใหม่มักจะสงสัย เมื่อตัดสินใจเปิดร้านขายของหรือร้านขายของชำ ความจริงแล้ว การเปิดร้านขายของในประเทศไทยต้องเสียภาษีและมีภาระผูกพันทางกฎหมายหลายประการ ที่ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

ข้อมูลสำคัญ

ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ พ.ศ. 2481 และที่แก้ไขเพิ่มเติม บุคคลที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจ รวมถึงร้านขายของ มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ และเสียภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

การเปิดร้านขายของไม่ใช่เพียงแค่การหารายได้เสริม แต่เป็นการประกอบธุรกิจที่มีกฎระเบียบและข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจดทะเบียนธุรกิจ การทำบัญชี การเสียภาษี และการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

เปิดร้านขายของต้องเสียภาษีไหม

ในปี 2568 นี้ กรมสรรพากรได้เพิ่มการตรวจสอบและติดตามการชำระภาษีของผู้ประกอบการรายย่อยมากขึ้น โดยเฉพาะร้านขายของและร้านค้าปลีกต่างๆ เพื่อให้มีความเป็นธรรมในระบบภาษีและเพิ่มรายได้ของรัฐ

การจดทะเบียนธุรกิจร้านขายของ

ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องภาษี สิ่งแรกที่ผู้ที่ต้องการ เปิดร้านขายของ ต้องทำคือการจดทะเบียนธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย การจดทะเบียนนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่เชื่อมโยงไปยังภาระผูกพันด้านภาษีและการบัญชี

ประเภทการจดทะเบียนธุรกิจ

1. การจดทะเบียนพาณิชย์

  • สำหรับบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจค้าขาย
  • ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 500,000 บาท
  • จดทะเบียนที่สำนักงานเขต/อำเภอ
  • ค่าธรรมเนียม 50-100 บาท

2. การจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน

  • สำหรับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
  • จดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
  • มีการแยกบุคคลิกภาพทางกฎหมาย
  • ค่าธรรมเนียมและเงินทุนจดทะเบียนสูงกว่า
เปิดร้านขายของชํา ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน

  • บัตรประจำตัวประชาชน (และสำเนา)
  • ทะเบียนบ้าน (และสำเนา)
  • หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ (ถ้าเช่า)
  • แผนที่แสดงที่ตั้งสถานประกอบการ
  • รูปถ่าย 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป

⚠️ ข้อควรระวัง

การไม่จดทะเบียนธุรกิจตามกฎหมาย อาจมีผลกระทบต่อการเสียภาษีและการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ นอกจากนี้ยังอาจต้องเสียค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด

ต้องการคำปรึกษาเรื่องการจดทะเบียนธุรกิจ?

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ MoAccount พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยดำเนินการจดทะเบียนธุรกิจให้คุณอย่างถูกต้องครบถ้วน

ภาระผูกพันด้านภาษีที่ต้องรู้

เมื่อเปิดร้านขายของแล้ว ผู้ประกอบการจะมีภาระผูกพันด้านภาษีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับรูปแบบการประกอบธุรกิจและรายได้ที่ได้รับ การทำความเข้าใจเรื่องภาษีที่ต้องเสียจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้องและไร้ปัญหา

ประเภทภาษีที่เกี่ยวข้องกับร้านขายของ

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

  • อัตราภาษี: 5% - 35% ขึ้นอยู่กับรายได้สุทธิ
  • ยื่นแบบ: ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91
  • กำหนดยื่น: ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
  • รายได้ขั้นต่ำ: เสียภาษีเมื่อรายได้เกิน 150,000 บาทต่อปี

2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

  • อัตราภาษี: 7% ของมูลค่าสินค้าหรือบริการ
  • เงื่อนไข: รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
  • ยื่นแบบ: รายเดือน (ภพ.30) หรือรายไตรมาส
  • ประโยชน์: สามารถหักภาษีซื้อได้
กฎหมายร้านขายของชำ

การคำนวณภาษีสำหรับร้านขายของ

การคำนวณภาษีสำหรับ เปิดร้านขายของชํา ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง จะขึ้นอยู่กับประเภทการจดทะเบียนและรายได้ของธุรกิจ ดังนี้:

สำหรับผู้ที่จดทะเบียนพาณิชย์

รายได้สุทธิ = รายได้รวม - ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น

  • ต้นทุนสินค้า (ซื้อมาขายไป)
  • ค่าเช่าร้าน
  • ค่าไฟฟ้า น้ำประปา
  • เงินเดือนพนักงาน
  • ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับธุรกิจ

💡 เคล็ดลับการลดภาษี

การเก็บเอกสารหลักฐานการซื้อขายและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ครบถ้วน จะช่วยลดภาระภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ข้อกำหนดการทำบัญชี

หลายคนที่เปิดร้านขายของมักมีความเข้าใจผิดว่า ร้านเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องทำบัญชี แต่ความจริงแล้ว การทำบัญชีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ เพราะนอกจากจะช่วยในการจัดการเงินแล้ว ยังเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายอีกด้วย

ประเภทการทำบัญชีสำหรับร้านขายของ

1. บัญชีรายรับรายจ่าย (สำหรับรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท)

  • บันทึกรายรับทุกรายการ
  • บันทึกรายจ่ายที่เกี่ยวกับธุรกิจ
  • เก็บเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน
  • สรุปยอดรายเดือนและรายปี

2. บัญชีชุดเต็ม (สำหรับรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท)

  • สมุดรายวันทั่วไป
  • สมุดบัญชีแยกประเภท
  • งบทดลอง
  • งบการเงิน (งบกำไรขาดทุน, งบดุล)
เปิดร้านค้า ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

เอกสารที่ต้องเก็บไว้

สำหรับผู้ที่ เปิดร้านค้า ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง และต้องทำบัญชี จำเป็นต้องเก็บเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้:

  • ใบเสร็จรับเงิน: ทุกการขายสินค้า
  • ใบกำกับภาษี: สำหรับผู้จดทะเบียน VAT
  • ใบเสร็จค่าใช้จ่าย: ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์
  • ใบเสร็จซื้อสินค้า: จากผู้จำหน่ายหรือซัพพลายเออร์
  • สลิปโอนเงิน: ธุรกรรมผ่านธนาคาร
  • สัญญาเช่า: ถ้าเช่าสถานที่

⚠️ ระยะเวลาการเก็บเอกสาร

ตามกฎหมาย ต้องเก็บเอกสารและบัญชีไว้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันสิ้นปีภาษีนั้น เพื่อป้องกันปัญหาการตรวจสอบจากกรมสรรพากร

การใช้โปรแกรมบัญชีสำหรับร้านขายของ

ในยุคดิจิทัลนี้ การทำบัญชีด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชันเป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลา และสะดวกในการสรุปรายงาน

ประโยชน์ของการใช้โปรแกรมบัญชี

  • บันทึกรายการได้รวดเร็วและแม่นยำ
  • สร้างรายงานทางการเงินอัตโนมัติ
  • คำนวณภาษีได้ถูกต้อง
  • เก็บข้อมูลปลอดภัยในระบบคลาวด์
  • เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา

ต้องการระบบบัญชีที่ใช้ง่ายสำหรับร้านขายของ?

MoAccount มีระบบบัญชีออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยโดยเฉพาะ ใช้งานง่าย ครบครันทุกฟีเจอร์

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการร้านขายของต้องพิจารณา เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นและมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด การจดทะเบียน VAT มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

เกณฑ์การจดทะเบียน VAT

เงื่อนไขบังคับ

  • รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี: ต้องจดทะเบียน VAT ภายใน 30 วัน
  • ขายสินค้านำเข้า: ต้องจดทะเบียนไม่ว่ารายได้จะเท่าไหร่
  • ขายให้กับผู้ประกอบการ VAT: ควรพิจารณาจดทะเบียนเพื่อความสะดวก
เปิดร้านขายของชํา ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

ประโยชน์ของการจดทะเบียน VAT

  • หักภาษีซื้อได้: ลดต้นทุนจากการซื้อสินค้ามา
  • ความน่าเชื่อถือ: ลูกค้าธุรกิจมั่นใจมากขึ้น
  • การออกใบกำกับภาษี: สามารถออกได้อย่างถูกต้อง
  • การค้าระหว่างประเทศ: สะดวกในการนำเข้าส่งออก

ข้อเสียของการจดทะเบียน VAT

  • ภาระงานเพิ่มขึ้น: ต้องยื่นแบบ VAT ทุกเดือน
  • ราคาสินค้าแพงขึ้น: ต้องเพิ่ม VAT 7%
  • การทำบัญชีซับซ้อน: ต้องแยกบัญชี VAT ชัดเจน
  • การตรวจสอบ: อาจถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากรบ่อยขึ้น

💡 คำแนะนำ

หากรายได้ใกล้เคียง 1.8 ล้านบาท ควรเตรียมความพร้อมสำหรับการจดทะเบียน VAT ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อถึงเวลา

ภาษีเงินได้สำหรับร้านขายของ

ภาษีเงินได้เป็นภาษีหลักที่ผู้ประกอบการร้านขายของต้องเสีย การคำนวณภาษีเงินได้จะขึ้นอยู่กับกำไรสุทธิของธุรกิจ ซึ่งเป็นรายได้รวมหักลบด้วยค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมเหตุสมผล

อัตราภาษีเงินได้ปี 2568

สำหรับบุคคลธรรมดา

  • 0 - 150,000 บาท: ไม่เสียภาษี
  • 150,001 - 300,000 บาท: 5%
  • 300,001 - 500,000 บาท: 10%
  • 500,001 - 750,000 บาท: 15%
  • 750,001 - 1,000,000 บาท: 20%
  • 1,000,001 - 2,000,000 บาท: 25%
  • 2,000,001 - 5,000,000 บาท: 30%
  • เกิน 5,000,000 บาท: 35%
กฎหมายร้านขายของชำ

การลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ประกอบการ

ผู้ประกอบการร้านขายของสามารถลดหย่อนภาษีได้หลายรายการ ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีที่ต้องเสีย:

ค่าลดหย่อนส่วนตัว

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส: 60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนบุตร: คนละ 30,000 บาท (สูงสุด 3 คน)
  • ค่าลดหย่อนบิดามารดา: คนละ 30,000 บาท

ค่าใช้จ่ายที่ลดหย่อนได้

  • เบี้ยประกันชีวิต: สูงสุด 100,000 บาท
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ: สูงสุด 500,000 บาท
  • กองทุน SSF: สูงสุด 200,000 บาท
  • ค่าบริจาค: สูงสุด 10% ของรายได้สุทธิ

การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้

ผู้ประกอบการร้านขายของต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ตามประเภทการจดทะเบียน:

  • ภ.ง.ด.90: สำหรับผู้ที่จดทะเบียนพาณิชย์ (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท)
  • ภ.ง.ด.91: สำหรับผู้ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท หรือจดทะเบียน VAT
  • กำหนดยื่น: ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป

⚠️ โทษกรณีไม่ยื่นแบบหรือยื่นล่าช้า

  • ค่าปรับ 200% ของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย
  • เบี้ยปรับ 1.5% ต่อเดือน
  • อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

กฎหมายร้านขายของชำ

นอกจากเรื่องภาษีแล้ว ผู้ที่ต้องการเปิดร้านขายของยังต้องทำความเข้าใจกับ กฎหมายร้านขายของชำ และกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจค้าปลีก เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่มีปัญหาทางกฎหมาย

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับร้านขายของ

1. พระราชบัญญัติการขายตรง และตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545

  • ควบคุมการขายสินค้าโดยตรงแก่ผู้บริโภค
  • กำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ขายและผู้ซื้อ
  • ระบุเงื่อนไขการคืนสินค้าและการรับประกัน

2. พระราชบัญญัติคุมครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

  • คุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค
  • กำหนดมาตรฐานสินค้าและบริการ
  • ควบคุมการโฆษณาที่อาจทำให้เข้าใจผิด
เปิดร้านค้า ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

ใบอนุญาตที่อาจต้องขอ

ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่จำหน่าย ร้านขายของอาจต้องขอใบอนุญาตเพิ่มเติม:

  • ใบอนุญาตขายยา: สำหรับร้านที่ขายยาสามัญประจำบ้าน
  • ใบอนุญาตขายอาหาร: สำหรับร้านที่ขายอาหารสด หรืออาหารแปรรูป
  • ใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: สำหรับร้านที่ขายเบียร์ เหล้า
  • ใบอนุญาตขายบุหรี่: สำหรับร้านที่ขายยาสูบ

ข้อกำหนดด้านสุขอนามัย

มาตรฐานความสะอาด

  • จัดเก็บสินค้าให้เป็นหมวดหมู่
  • รักษาความสะอาดของร้านและบริเวณโดยรอบ
  • ควบคุมอุณหภูมิสำหรับสินค้าที่ต้องแช่เย็น
  • ตรวจสอบวันหมดอายุของสินค้าอย่างสม่ำเสมอ

⚠️ ข้อควรระวัง

การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ อาจมีผลให้ถูกปิดร้าน ปรับเงิน หรือดำเนินคดีตามกฎหมาย

โทษและค่าปรับ

การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายด้านภาษีและการบัญชีมีโทษและค่าปรับที่รุนแรง ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

โทษด้านภาษีเงินได้

การไม่ยื่นแบบแสดงรายการ

  • ค่าปรับ: 200% ของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย
  • เบี้ยปรับ: 1.5% ต่อเดือนของจำนวนภาษี
  • ค่าปรับขั้นต่ำ: 1,000 บาท
  • โทษจำคุก: ไม่เกิน 5 ปี (กรณีหลบหนีภาษี)

การทำบัญชีไม่ถูกต้อง

  • ค่าปรับ: 2,000 - 20,000 บาท
  • การไม่เก็บเอกสาร: ปรับ 200 - 2,000 บาท
  • การปลอมแปลงบัญชี: จำคุกไม่เกิน 3 ปี
เปิดร้านขายของต้องเสียภาษีไหม

โทษด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม

การไม่จดทะเบียน VAT ตามกำหนด

  • ค่าปรับ: 10% ของยอดขาย หรือไม่น้อยกว่า 10,000 บาท
  • การยื่นแบบล่าช้า: 100 บาทต่อวัน
  • การไม่ออกใบกำกับภาษี: 400 บาทต่อฉบับ

วิธีหลีกเลี่ยงปัญหา

  • ศึกษากฎหมาย: ทำความเข้าใจข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
  • ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญ: จ้างนักบัญชีหรือบริษัทรับทำบัญชี
  • ติดตามการเปลี่ยนแปลง: กฎหมายภาษีอาจมีการแก้ไข
  • ยื่นแบบให้ตรงเวลา: ไม่ให้เกินกำหนด
  • เก็บเอกสารให้ครบถ้วน: พร้อมสำหรับการตรวจสอบ

ประโยชน์ของการทำบัญชีที่ถูกต้อง

แม้ว่าการทำบัญชีและเสียภาษีอาจดูเป็นภาระ แต่การดำเนินการที่ถูกต้องจะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและมั่นคงในระยะยาว

ประโยชน์ด้านการเงิน

การจัดการเงินที่ดีขึ้น

  • รู้กำไรขาดทุนจริง: สามารถวางแผนการลงทุนได้ถูกต้อง
  • ควบคุมกระแสเงินสด: ป้องกันปัญหาขาดสภาพคล่อง
  • วิเคราะห์ต้นทุน: หาวิธีลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เปรียบเทียบผลการดำเนินงาน: ติดตามความก้าวหน้าของธุรกิจ

ประโยชน์ด้านการขอสินเชื่อ

ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ต้องการเห็นบัญชีที่มีความน่าเชื่อถือก่อนอนุมัติสินเชื่อ:

  • สร้างความเชื่อมั่น: แสดงให้เห็นความมั่นคงทางการเงิน
  • ประวัติการชำระเงิน: พิสูจน์ความสามารถในการชำระหนี้
  • วงเงินสินเชื่อสูงขึ้น: อาจได้รับอนุมัติวงเงินที่มากกว่า
  • อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า: ความเสี่ยงต่ำทำให้ได้อัตราดีกว่า
เปิดร้านขายของชํา ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

ประโยชน์ด้านกฎหมาย

ความปลอดภัยทางกฎหมาย

  • หลีกเลี่ยงการถูกปรับ: ปฏิบัติตามกฎหมายครบถ้วน
  • พร้อมรับการตรวจสอบ: มีเอกสารหลักฐานครบถ้วน
  • สิทธิทางภาษี: ใช้สิทธิลดหย่อนได้อย่างถูกต้อง
  • ความน่าเชื่อถือ: สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ

ประโยชน์ด้านการขยายธุรกิจ

  • วางแผนการลงทุน: มีข้อมูลเพื่อตัดสินใจที่ถูกต้อง
  • หาแหล่งเงินทุน: นักลงทุนมั่นใจในธุรกิจที่มีบัญชีชัดเจน
  • เข้าร่วมโครงการรัฐ: สิทธิในการขอรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ
  • ขายธุรกิจ: มีมูลค่าธุรกิจที่ชัดเจนเมื่อต้องการขาย

💡 เคล็ดลับความสำเร็จ

การทำบัญชีที่ถูกต้องไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ต้องเสียภาษี หากมีรายได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือใหญ่ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้และเสียภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

ร้านขายของชำต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และหากรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ด้วย นอกจากนี้ยังต้องทำบัญชีและเก็บเอกสารหลักฐานครบถ้วน

ต้องทำบัญชี แม้จะเป็นร้านเล็กๆ ก็ตาม อย่างน้อยต้องมีบัญชีรายรับรายจ่าย และเก็บเอกสารหลักฐานไว้ 5 ปี เพื่อเป็นหลักฐานในการคำนวณภาษีและรองรับการตรวจสอบ

ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค การขายตรงและตลาดแบบตรง รวมถึงกฎหมายสุขอนามัย หากขายสินค้าพิเศษ เช่น ยา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจต้องขอใบอนุญาตเพิ่มเติม

นอกจากภาษีเงินได้แล้ว อาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% หากรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ภาษีป้าย และค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าใบอนุญาต ค่าจดทะเบียนธุรกิจ

อาจต้องเสียค่าปรับสูงสุด 200% ของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย บวกเบี้ยปรับ 1.5% ต่อเดือน และในกรณีร้ายแรงอาจถูกดำเนินคดีจำคุกได้

แนะนำให้ใช้บริการ เพราะช่วยลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา และมั่นใจได้ว่าปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะหากไม่มีความรู้ด้านบัญชีและภาษี

สามารถหักภาษีซื้อได้ ทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ และสะดวกในการทำธุรกิจกับผู้ประกอบการรายอื่น

พร้อมเริ่มต้นธุรกิจร้านขายของที่ถูกต้องแล้วหรือยัง?

MoAccount พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ด้านบัญชีและภาษี ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงและปลอดภัยทางกฎหมาย